นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า วันนี้ ( 23 เมษายน 2568 ) พร้อมด้วย ดร.สมชาย เวสารัชตระกูล ส.ก.เขตสายไหม , ดร.เมธาวี ธารดำรงค์ ส.ก.เขตปทุมวัน , กิตติพล รวยฟูพันธ์ ผู้แทนจากเขตราษฎร์บูรณะ , วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก , ปิยะวรรณ จระกา ส.ก.เขตสวนหลวง , อนุรักษ์ เลิศวัฒนาไพบูลย์ ส.ก.เขตวังทองหลาง และ พิมพ์เพ็ญ วีรกุลสุนทร ตัวแทนจากเขตทุ่งครุ ได้เข้าพบ นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อร่วมกันหารือแนวทางการพัฒนาพื้นที่ ภายใต้การดูแลของแต่ละเขต เพื่อให้ประชาชนได้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
โดยการประชุมหารือวันนี้พบว่าหลายพื้นที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุง ดังนั้นการประชุมในครั้งนี้ได้พิจารณาแนวทางต่างๆ เพื่อร่วมกันผลักดันทุกโครงการให้สำเร็จตามเป้าหมายและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ด้าน นายวิพุธ ศรีระอุไร รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่หนึ่ง และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางรัก กล่าวต่อว่า ในวันนี้ ส.ก. พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันยื่นหนังสือให้กับ กทพ. ซึ่งหลังจากทุกฝ่ายได้บูรณาการร่วมกัน มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกโครงการในทุกพื้นที่จะสำเร็จตามแผนโดยเฉพาะพื้นที่บริเวณใต้ทางด่วน ภายใต้การกำกับดูแลของ กทพ. เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ส่วนร่วมที่สร้างความยั่งยืนให้กับทุกพื้นที่และทุกชุมชน
ยกตัวอย่างเช่น เขตสายไหม บริเวณใต้ทางด่วน ระหว่าง ถ. สุขาภิบาล 5 ถึง ถ.จตุโชติ ซึ่งขณะนี้มีปัญหาการจราจรที่ติดขัดจากปัญหาคอขวด จึงทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรได้อย่างสะดวก จึงได้เร่งบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนในเขตพื้นที่ และ เขตห้วยขวาง บริเวณบึงพระราม 9 ซึ่งเป็นที่พื้น ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยจะขออนุมัติเพื่อใช้สถานที่ เพื่อนำมาทำเป็นลานกีฬา ให้ชุมชุนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงได้ใช้ประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากนั้นยังมีอีกหลายปัญหาซึ่งทุกฝ่ายจะร่วมกันแก้ไขและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนทุกพื้นที่อย่างมีเสถียรภาพ หากมีความคืบหน้าในแต่ละพื้นที่จะแจ้งให้ประชาชนได้ทราบโดยทันที
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เผยต่อว่า ตามที่ได้รับเรื่องจากทาง ส.ก.พรรคเพื่อไทย ขณะนี้ทาง กทพ. ได้เร่งติดตามทุกโครงการที่ได้รับข้อเสนอมา ซึ่งทาง ส.ก. ยังมีความพร้อมที่จะร่วมดำเนินการร่วมกันอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับที่กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายนโยบาย ให้ กทพ. ร่วมขับเคลื่อนภาคคมนาคมให้มีศักยภาพ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สูงสุด พร้อมย้ำว่าทุกโครงการที่ดำเนินการนั้น ยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก